วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

ตัวอย่างกฏหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้านคอมพิวเตอร์



ให้นักศึกษายกตัวอย่างกฏหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้านคอมพิวเตอร์มา 3 ข้อ

1. ความผิดสำหรับพวกปล่อยไวรัส

  1. พวกทำลายข้อมูล หรือไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลของคนอื่น ไม่ว่าด้วยวิธีใด จะใช้ไวรัส หรือแอบเข้าไปทำลายตรงๆ หรือพวกพนักงานที่ทำงานอยู่แล้วกำลังจะออก ไปทำลายข้อมูลเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  2. ถ้าทำลายระบบคอมพิวเตอร์ จะมีข้อมูลหรือไม่ก็ตาม มีโทษเท่ากัน
     
  3. “เมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ น่าจะช่วยให้การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ลดลงได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ตโดยสุจริต คงไม่ต้องกังวล คงไม่ต้องกังวล ถ้าไม่คิดจะไปกลั่นแกล้งใคร”
  4. ถ้าการทำลายข้อมูลคนอื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ประเภทคอมพิวเตอร์ควบคุมจราจร โทษสูงขึ้นเป็น จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท
  5. และถ้ากระทบถึงความมั่นคงของประเทศ โทษจะสูงขึ้นเป็นจำคุก 3-15 ปี
  6. แต่ถ้าจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย โทษจะหนักถึงจำคุก 10-20 ปี

2. ความผิดของพวกชอบก่อกวนหรืชอบแกล้งคนอื่น

  1. พวกที่ชอบส่งเมลก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทไปโผล่ป๊อปอัพ หรือพวกส่งเมลขยะโดยที่เขาไม่ต้องการ มีโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 1000,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
  2. พวกที่ชอบส่งเมล เป็นข้อมูลปลอมข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หรือพวกเจ้ากรมข่าวลือที่ชอบปล่อยข่าวให้เกิดความวุ่นวาย รวมถึงส่งภาพลามกอนาจารทั้งหลาย รวมถึงพวกผสมโรงที่ได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  3. พวกที่ชอบใช้ศิลปะเฉพาะตัว ตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วนำเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเข้าเสียหาย อับอาย ต้องโทษาจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสำหรับผู้ที่ทำด้วยความสุจริต จะไม่เป็นความผิด ซึ่งผมยังนึกไม่ออกครับว่า ถ้าตัดต่อภาพเข้าแล้ว จะสุจริตได้อย่างไร คงเป็นกรณีตัดต่อให้ดูสวยกว่าตัวจริง ซึ่งก็รู้จะทำไปทำไม

3. ความผิดของผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ

          ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ มีหน้าที่ต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการอย่างน้อย 90 วัน เพื่อให้สามารถหาตัวผู้ใช้   บริการ สำหรับให้ตรวจสอบได้ มิฉะนั้น ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ จะต้องรับโทษเอง แต่เบาหน่อยคือปรับอย่างเดียวไม่เกิน 500,000 บาท
          การกระทำความผิดตามกฎหมายนี้ แม้จะทำนอกราชอาณาจักร ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างด้าวเป็นผู้ทำ ถ้าเกิดวามเสียหายไม่ว่าเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ก็ต้องยอมรับโทษตามกฎหมายนี้ด้วย
          ปัญหาที่ตามมาคือ การกระทำความผิด ในระบบคอมพิวเตอร์ทางอินเตอร์เน็ตอย่างนี้ จะจับได้อย่างไร เรื่องนี้ขอเตือนพวกลองดีทั้งหลายว่า อย่าประมาทเพราะกฎหมายให้อำนาจ เรียกข้อมูลจากผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บทั้งหลาย รวมถึงมีอำนาจที่จะ รวมถึงอำนาจที่จะเข้าไปติดตาม ตรวจสอบ ก็อปปี้ ในระบบคอมพิวเตอร์ของใครก็ได้ ถ้ามีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่ามีการกระทำความผิด
          แต่การใช้อำนาจเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยไม่มีความผิดตามกกหมายนี้นั้น จะต้องขอนุญาตต่อศาลเสียก่อน จะทำโดยพลการไม่ได้
          หากเจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลที่ใช้อำนาจ หน้าที่ไปเจาะข้อมูลเข้ามาโดยไม่มีอำนาจ เจ้าหน้าที่แหละจะต้องย้ายภูมิลำเนาเข้าไปอยู่ในคุก ด้วยอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
         และแม้ไม่ได้ตั้งใจเปิดเผย แต่ด้วยความประมาท ทำให้ข้อหลุดเข้าสู่ อินเตอร์เน็ต ก็ต้องรับโทษด้วย คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
         เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว น่าจะช่วยให้การก่ออาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตลดลงได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม คนที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยความสุจริต คงไม่ต้องกังวล ถ้าไม่คิดจะกลั่นแกล้งหรือใส่ร้าย ป้ายสีใคร เพียงแต่จะรู้เรื่องของชาวบ้านน้อยลง เพราะทุกคนต้องทำตามกกหมาย e-mail ในระบบจะหายไปกว่าครึ่ง
         เพราะทุกวันนี้ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-mail ที่ส่งกัน ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน แต่เป็นเรื่องชาวบ้านเป็นภาพวาวหวิวของน้องๆ ทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมายฉบับนี้ทั้งนั้น



โปรแกรม Anti Malware


ให้นักศึกษากล่าวถึงโปรแกรม Anti Malware มาอย่างน้อย 5 ชนิด

1. Malwarebytes Anti-Malware เป็นโปรแกรมกำจัดมัลแวร์ฟรีที่หลายคนยกให้เป็นโปรแกรมอันดับหนึ่งในด้านนี้ โปรแกรมมีความสามารถในการกำจัดโปรแกรมอันตรายที่ทำงานเหมือนมัลแวร์ ซึ่งก็รวมทั้ง โปรแกรมประเภทสปายแวร์, แอดแวร์, รูทคิท, โทจัน เป็นต้น โปรแกรมจะทำการสแกนเครื่องของเราเพื่อตรวจสอบว่ามีโปรแกรมเหล่านี้อยู่หรือไม่และรายงานผล ซึ่งเราสามารถเลือกกำจัดบางตัวหรือทั้งหมดก็ได้ โปรแกรมสามารถทำการถอนรากถอนโค่นได้อย่างไม่เหลือร่องรอย สำหรับการอัพเดทครั้งนี้ก็มีการเพิ่มความสามารถใหม่อย่างเทคโนโลยี Chameleon ที่จะทำให้โปรแกรมยังสามารถทำงานได้ตามปกติถึงแม้เครื่องของเราจะติดไวรัสอยู่ก็ตาม นอกนั้นก็จะเป็นการปรับปรุงการทำงานทั่วไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาและกำจัดมัลแวร์

2. VirusBarrier จะทำหน้าที่ตรวจสอบไฟล์ต่างๆที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเครื่องของคุณไม่ว่าจะเป็นไฟล์จากแฟ้มMobileMe, Dropbox หรือเอกสารต่างๆที่แนบมากับข้อความอีเมล์เป็นต้น ซึ่งตัว VirusBarrier นั้นจะทำงานก็ต่อเมื่อมีการเปิดใช้งานเท่านั้น

3. Emsisoft Anti-Malware เป็นโปรแกรมป้องกันมัลแวร์แบบอัตโนมัติ การขโมยข้อมูลหรือการพิมพ์รหัสผ่านลงในเว็บไซต์

4. a-squared Anti-Malware : โปรแกรมป้องกันไวรัสโทรจัน เรีกยได้ว่า มีเอาไว้ ป้องกัน ตามคำที่ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ และนอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังสามารถป้องกันตัว Back Office ที่อาจจะแอบแฝงมาได้อีกด้วย นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังมีระบบ การตรวจสอบหา ไว้รัส โทจัน ตัวนี้ที่จะมาจากการ การดาวน์โหลด หรือ ว่ามันอาจจะมีจาก ไฟล์ที่แนบมากับ E-Mail ที่เป็นพวกตระกูล ZIP, ARJ, CAB อีกด้วย และภายโปรแกรมนี้ยังมีรายละเอียดหรือว่าข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส โทจัน นี่อีกด้วยครับ เรียกว่าโปรแกรมนี้ทั้งป้องกันและทั้งให้ความรู้อีกต่างหาก โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับ มีติด บ้านติดเรือน หรือติด Office

5. Anvi Smart defender ฟรีโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ได้พิจารณาและลองดาวโหลดมาติดตั้งและใช้งานกันได้ฟรีๆ สามารถตรวจจับและป้องกันไวรัสชนิดต่างๆ ได้อย่างคลอบคลุ่ม เช่น โทรจัน แอดแวร์ สปายแวร์ บอท และอื่นๆ โดยจะสแกนและตรวจจับอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีแบบใหม่หรือแบบว่า Cloud นั้นเอง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องไม่ช้าลงระหว่างการทำงานของโปรแกรมโดยที่ Anvi Smart defender มาพร้อมกับ 5 โมดูลการทำงานได้แก่ การสแกน , คลาวสแกน ,การ์ด และระบบปรับแต่งและอัพเดท ซึ่งแต่ละโมดูลก็จะทำงานแตกต่างกันออกไป โดยให้การป้องกันภัยคุกคามแบบ Real time สำหรับเวอร์ชั่นนี้ RC2 ก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม เอาเป็นว่าหากคุณต้องการฟรีแวร์ประสิทธิภาพดีไว้ใช้งานกับเครื่องของคุณ สามารถดาวโหลดไปติดตั้งและใช้งานกันได้ทันที



ตัวอย่าง Malware



ให้นักศึกษายกตัวอย่าง Malware มา 5 ชนิด พร้อมกล่าวถึงรายละเอียด 
พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข

1. Virus
พฤติกรรมของ virus คือการขยายพันธุ์หรือก็อปปี้ตัวมันเอง ไปติดกับไฟล์ executable (.exe files) หรือไฟล์ของอีกโปรแกรมหนึ่ง หลังจากนั้น หากผู้ใช้งานไปดับเบิ้ลคลิ๊กหรือรันโปรแกรมไฟล์นั้นๆ virus ก็จะถูกกระตุ้นให้ทำงานทันที โดยส่วนที่เป็นพิษของ virus เราเรียกกันว่า payload ซึ่งเป็นส่วนที่มีคำสั่งที่ระบุให้ virus ทำงานตาม ยกตัวอย่างเช่น payload ของ virus อาจจะระบุไว้ว่าให้ virus ทำการลบไฟล์เอกสารต่างๆ ในเครื่องของผู้ใช้งาน หรือ payload อาจจะสั่งให้ virus ลงโปรแกรมประเภท spyware ไว้ในเครื่องเพื่อคอยดักเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เป็นต้น ลักษณะเด่นของ virus คือ มันไม่สามารถที่จะทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง virus จะเริ่มการทำงานหรือถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้นั้น จะต้องมีการถูกกระตุ้นก่อน เช่น ถ้าเราดาวโหลดไฟล์ attachment ที่มากับอีเมล์ซึ่งมี virus อยู่ การที่เราดาวโหลดไฟล์ virus มาไว้ที่เครื่องเฉยๆ นั้น virus จะยังไม่สามารถทำงานได้ (และบางทีโปรแกรม anti-virus ของเราก็อาจจะฟ้องขึ้นมาทันที ว่าเรากำลังดาวโหลดไฟล์ที่มี virus อยู่ และทำการลบไฟล์นั้นทิ้ง) แต่ถ้าเครื่องของเราไม่มี anti-virus หรือโปรแกรม anti-virus ของเราไม่รู้จัก virus ตัวนี้ ไฟล์ attachment ที่มี virus ก็จะถูกโหลดมาไว้ในเครื่องของเราได้สำเร็จ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปดับเบิ้ลคลิ๊กหรือเปิดไฟล์ attachment นี้ขึ้นมาใช้งาน เจ้า virus ก็จะตื่นขึ้นมาจัดการเครื่องของเราทันที

2. Worms
ลักษณะการทำงานของ worm จะต่างจาก virus ตรงที่ worm สามารถทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง (ทำงานแบบอัตโนมัติหรือ automatic) โดยไม่ต้องอาศัยพาหะ หรือการเกาะไฟล์ executable อื่นๆ โดย worm จะใช้การกระจายพันธุ์ผ่านทางระบบ network เป็นหลัก ด้วยการคอยสแกนระบบ network อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะหาช่องโหว่ของเครื่องที่มีอยู่ในระบบ ถ้าเครื่องไหนมีช่องโหว่ (ซึ่งเกิดจากการไม่ได้ลง patch/service pack หรือใช้โปรแกรมเวอร์ชั่นเก่า) worm ก็จะโจมตี (exploit) เครื่องเหล่านั้นทันที และก็ควบคุมเครื่องเหล่านั้น ให้ช่วยกระจายพันธุ์ต่อไป ดังนั้น เรามักจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการระบาดของ worm ระบบ network ของเราก็จะทำงานช้ามาก เพราะว่า network bandwidth จะถูก worm ใช้ในการสแกนเครื่องต่างๆ โดยปกติแล้ว worm มักจะแฝงตัวมากับ virus ในลักษณะของ email attachment เพราะว่าการโจมตีผู้ใช้งานแบบนี้ได้ผลดีกว่าและง่ายกว่า และการที่ worm ฝังตัวมากับ email attachment นั้น network firewall ก็จะไม่สามารถตรวจจับและหยุด worm ตัวนั้นได้ นอกเสียจากเราจะมีโปรแกรม anti-virus ทำงานอยู่ใน mail server

3. Rootkits
ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราถูกเจาะหรือถูก hack ได้สำเร็จ สิ่งแรกๆ ที่ attacker จะทำก็คือลงโปรแกรมประเภท rootkit ในเครื่องของเรา เพราะ rootkit จะช่วยซ่อนไฟล์ โปรแกรมและ process ต่างๆ ที่ attacker ติดตั้งหรือดาวโหลดมาวางไว้ในเครื่องของเรา เพื่อไม่ให้เราหรือโปรแกรม anti-virus ตรวจพบได้นั่นเอง ซึ่งถ้าเครื่องของเราถูกติดตั้ง rootkit ไปแล้วละก็ โอกาสที่จะถอน rootkit ออกจากเครื่องให้ได้นั่น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่า rootkit จะไปแก้ไขหรือเปลี่ยน system file ที่สำคัญต่างๆ ทำให้เมื่อเราลบไฟล์ที่เป็นของ rootkit ออก ก็จะมีผลกระทบต่อ system file เหล่านี้ด้วย ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ (Operating System หรือ OS) จนอาจจะไม่สามารถบูตเครื่องขึ้นมาทำงานได้อีกต่อไปเลย

4. Spyware
โปรแกรมประเภท spyware จะติดตั้งตัวของมันลงในเครื่องของเราอย่างลับๆ โดยไม่ขออนุญาติเราก่อน ว่าอยากจะลงหรือไม่ ซึ่งเมื่อ spyware ถูกติดตั้งลงในเครื่องแล้ว มันจะคอยทำงานโดยการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น คอยดูว่าเราไปเข้า web site ไหนบ้าง เราพิมพ์ตัวอักษรอะไรบนคีย์บอร์ดบ้าง และอื่นๆ ดังนั้น spyware จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับ attacker ในการขโมย username, password, และข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตการ์ดของเราได้ด้วย โดยที่ spyware จะส่งข้อมูลที่มันเก็บได้จากเครื่องของเราไปให้เจ้านายของมัน ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือระบบ network อย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เรารู้ตัว

5. Adware
โปรแกรมประเภท adware (ส่วนใหญ่มักจะมาคู่กับ spyware เพื่อใช้ในการทำ targeted ads หรือการโฆษณาสินค้าแบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้ได้มากขึ้น) จะคอยแสดงโฆษณาสินค้าต่างๆ บนหน้าจอของเรา (หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "popup ads") ผ่านทาง web browser เช่น Internet Explorer หรือ Mozilla Firefox ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งานส่วนมาก ที่ไม่สนใจในโฆษณา หรือ popup ads เหล่านั้น โปรแกรมประเภท adware มักจะถูกติดตั้งพร้อมกับโปรแกรมที่เราดาวโหลดมาฟรีๆ จาก web site ที่ไม่น่าเชื่อถือ

วิธีป้องกันแล้วแก้ไข
1. แน่ใจว่าคุณมีสแกนเนอร์ป้องกันไวรัส Firewall และป้องกันสปายแวร์ที่ติดตั้ง
2. อยู่ห่างจากเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย / ที่น่าสงสัย
3. ระมัดระวังกับ attachements จดหมาย!
4. เมื่อท่อง ...
*อย่าคลิกการเชื่อมโยงภายในป๊อปอัป
*อย่าคลิกลิงก์ในข้อความสแปมที่อ้างว่าจะนำเสนอซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์; เพราะส่วนใหญ่ของ     น้ำยาที่เรียกว่าเป็นสปายแวร์เหล่านี้
*ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากเว็บไซต์เฉพาะที่คุณรู้จักและเชื่อถือได้ เพราะมากของซอฟต์แวร์ฟรีที่สามารถมัดซอฟแวร์อื่น ๆ รวมทั้งสปายแวร์
*ระวังเมื่อดูวิดีโอออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาขอให้คุณติดตั้งตัวแปลงสัญญาณบางอย่างเพื่อชมวิดีโอ โดยค่าเริ่มต้นของคุณ MEDIAPLAYER แล้วควรจะมีตัวแปลงสัญญาณที่จำเป็นติดตั้งเพื่อชมวิดีโอออนไลน์ ในกรณีที่คุณแจ้งให้ติดตั้งตัวแปลงสัญญาณเพิ่มเติมในขณะที่พยายามที่จะดูหนังออนไลน์ก็อาจจะแจ้งเตือนที่ผิดพลาดและตัวแปลงสัญญาณนี้เรียกว่าอาจติดตั้งมัลแวร์ ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ และ ที่นี่ .
*ไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอิน (ActiveX) ถ้าคุณไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรหรือทำไมคุณจำเป็นต้องใช้